การขายของออนไลน์ผ่าน Shopee, Lazada และ TikTok Shop นั้นสร้างรายได้ได้ดี แต่การจัดการบัญชีและภาษีอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขายไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะแนะนำวิธีการทำบัญชีและวางแผนภาษีอย่างเป็นระบบ
การเริ่มต้นจัดการบัญชีสำหรับร้านค้าออนไลน์
1. การแยกบัญชีส่วนตัวและธุรกิจ
- เปิดบัญชีธนาคารแยกสำหรับธุรกิจโดยเฉพาะ
- แยกค่าใช้จ่ายส่วนตัวออกจากค่าใช้จ่ายธุรกิจอย่างชัดเจน
- จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายแยกตามช่องทางการขาย
2. การจัดเก็บเอกสารสำคัญ
- หลักฐานการโอนเงินจาก Marketplace
- ใบเสร็จรับเงินค่าสินค้าและค่าใช้จ่ายต่างๆ
- เอกสารการจดทะเบียนพาณิชย์และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ถ้ามี)
- รายงานสรุปยอดขายจากแต่ละแพลตฟอร์ม
3. การบันทึกรายการทางบัญชี
ต้องบันทึกรายการต่อไปนี้เป็นประจำ:
- ยอดขายรายวันจากทุกช่องทาง
- ค่าคอมมิชชั่นและค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม
- ค่าขนส่งและบรรจุภัณฑ์
- ต้นทุนสินค้าและสต็อก
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ
ระบบบัญชีสำหรับ Marketplace
1. การจัดการรายรับจาก Marketplace
บันทึกรายได้แยกตามประเภท:
- รายได้จากการขายสินค้า
- ส่วนลดและโปรโมชั่น
- ค่าขนส่งที่เรียกเก็บจากลูกค้า
- เงินคืนและส่วนลดจากแพลตฟอร์ม
2. การคำนวณต้นทุนและค่าใช้จ่าย
ต้นทุนที่ต้องคำนวณ:
- ต้นทุนสินค้า (ราคาซื้อ + ค่าขนส่ง)
- ค่าคอมมิชชั่นแพลตฟอร์ม (% ของยอดขาย)
- ค่าจัดส่งสินค้าให้ลูกค้า
- ค่าบรรจุภัณฑ์และวัสดุสิ้นเปลือง
- ค่าโฆษณาและการตลาด
การวางแผนภาษีสำหรับธุรกิจออนไลน์
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา vs นิติบุคคล
| หัวข้อ | บุคคลธรรมดา | นิติบุคคล |
|---|---|---|
| อัตราภาษี | แบบขั้นบันได 0-35% | SME 0%, 15%, 20% |
| การยื่นแบบ | ปีละ 2 ครั้ง (ภ.ง.ด.94, 90) | ทุกรอบ 12 เดือน |
| ความน่าเชื่อถือ | ปานกลาง | สูง |
| ค่าใช้จ่ายในการจัดการ | ต่ำ | สูง |
เกิน 1.8 ล้านบาท
VAT + ภาษีเงินได้
ยื่นแบบ ภ.พ.30 + ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 และ 94
2. การวางแผนภาษีอย่างชาญฉลาด
ค่าใช้จ่ายที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้:
- ค่าเช่าสถานที่เก็บสินค้า
- ค่าอุปกรณ์สำนักงานและคอมพิวเตอร์
- ค่าโฆษณาและการตลาด
- ค่าขนส่งและบรรจุภัณฑ์
- เงินเดือนพนักงาน (ถ้ามี)
3. กำหนดการยื่นภาษีที่สำคัญ
- ทุกเดือน: ยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม (กรณีจดทะเบียน VAT)
- ทุก 6 เดือน: ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี
- ทุกสิ้นปี: สรุปรายได้-รายจ่ายประจำปีและเตรียมเอกสารยื่นภาษี
- มกราคม-มีนาคม: ยื่นภาษีเงินได้ประจำปี
เทคนิคการบริหารจัดการบัญชีให้มีประสิทธิภาพ
1. การใช้เทคโนโลยีช่วยจัดการ
- ใช้ซอฟต์แวร์บัญชีออนไลน์
- เชื่อมต่อ API กับ Marketplace
- ใช้แอพบันทึกค่าใช้จ่าย
- จัดเก็บเอกสารในระบบคลาวด์
2. การติดตามและวิเคราะห์ผล
- ตรวจสอบรายงานการเงินเป็นประจำ
- วิเคราะห์อัตรากำไรแต่ละช่องทาง
- ติดตามต้นทุนและค่าใช้จ่าย
- วางแผนการเติบโตทางธุรกิจ
ขั้นตอนการปรึกษาสำนักงานบัญชี
- นัดหมายเพื่อปรึกษาเบื้องต้น (ฟรี)
- วิเคราะห์ความต้องการและขนาดธุรกิจ
- เสนอแพ็คเกจบริการที่เหมาะสม
- ทำสัญญาและเริ่มให้บริการ
- ติดตามและรายงานผลอย่างต่อเนื่อง
ปรึกษาเรื่องบัญชีและภาษีกับผู้เชี่ยวชาญ
สำนักงานบัญชีของเรามีประสบการณ์ดูแลธุรกิจออนไลน์มากกว่า 10 ปี พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลธุรกิจของคุณอย่างครบวงจร
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ธุรกิจออนไลน์ต้องจดทะเบียนพาณิชย์หรือไม่?
A: หากมีรายได้เป็นหลักแหล่งและทำเป็นอาชีพ ควรจดทะเบียนพาณิชย์เพื่อความถูกต้องตามกฎหมาย
Q: เริ่มต้นขายออนไลน์ควรเลือกเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล?
A: แนะนำให้เริ่มต้นเป็นบุคคลธรรมดาก่อน เมื่อธุรกิจเติบโตและมีรายได้มั่นคง ค่อยพิจารณาจดทะเบียนนิติบุคคล
Q: ต้องเก็บเอกสารการขายออนไลน์นานแค่ไหน?
A: ตามกฎหมายต้องเก็บเอกสารทางบัญชีไว้อย่างน้อย 5 ปี





